Mon. Dec 23rd, 2024

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 1 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

By Dom Oct 30, 2024

ดาวน์โหลดวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊ก!
สนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 36,141 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 18.45 น. วันจันทร์ที่ 18 เมษายน 2549
ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์
รูนี่ย์ ซัด 2 ประตูช่วยให้ความหวังในการลุ้นแชมป์ของปิศาจแดง ยังคงเหลืออยู่
2 ประตูในครึ่งเวลาแรกจากเวย์น รูนี่ย์ เพียงพอที่จะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับคืนสู่เส้นทางแห่งชัยชนะหลังจากบุกไปเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ด้วยสกอร์ 2-1 ที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน
เป็น 3 คะแนนอันล้ำค่าหลังจากผลงานที่น่าผิดหวังในการพบกับซันเดอร์แลนด์ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ 3 วันก่อนหน้านี้
เจอร์เมน เจนาส ทำประตูตีไข่แตกให้กับสเปอร์ส ในครึ่งเวลาหลัง แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีเก็บ 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
ผลการแข่งขันในนัดนี้ยังทำให้เชลซี ต้องเก็บอีก 4 คะแนนในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ชิพ หมายความว่าชัยชนะในการพบกับเอฟเวอร์ตัน ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันเดียวกันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เป็นแชมป์ได้
นัดนี้อาจจะไม่มีการถล่มกันถึง 8 ประตูเหมือนเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็เป็นนัดที่เล่นกันได้สนุกตื่นเต้นนัดหนึ่ง
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงทีม 2 ตำแหน่งจากชุดที่เสมอกับซันเดอร์แลนด์ 0-0 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนมานย่า วิดิช และมิเกล ซิลแวสตร์ ได้กลับคืนสู่แผงกองหลังของปิศาจแดง แทนที่ของเวส บราวน์ และปาทริซ เอวร่า ซึ่งทั้งคู่มีชื่อเป็นตัวสำรอง
สเปอร์ส ส่งนักเตะชุดใหญ่เต็มอัตราศึกลงสนาม ขาดไปเพียงเลดลี่ย์ คิง กองหลังทีมชาติอังกฤษซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่เท้า
เกมเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายที่อบอุ่นสดใสในกรุงลอนดอน โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มเกมเขี่ยบอลบุกเข้าใส่อัฒจันทร์ฝั่งแพกซ์ตัน โร้ด แต่เป็นสเปอร์ส ที่ได้โอกาสทำประตูครั้งแรกของเกม
เพียงนาทีที่ 2 เจ้าถิ่นก็เกือบจะได้ประตูขึ้นนำไปก่อน เมื่อร็อบบี้ คีน และเจอร์เมน เดโฟ พลาดโอกาสในการสัมผัสบอลจังหวะสุดท้ายจากลูกเปิดทางปีกขวาของอารอน เลนน่อน
ไมเคิล ดอว์สัน โชคไม่ดีที่ไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูในอีกไม่กี่นาทีถัดมา เมื่อเขาพลาดโอกาสส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายเพียงนิดเดียว
สเปอร์ส เริ่มต้นเกมได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ในนาทีที่ 8 กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ฉลองการทำประตู คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้บอลโต้กลับจากจังหวะลูกเตะมุมของสเปอร์ส ปีกชาวโปรตุเกสพาบอลขึ้นหน้าแล้วจ่ายไปทางซ้ายให้กับรุด ฟาน นิสเตลรอย ก่อนที่ดาวยิงดัตช์แมนจะไหลบอลคืนให้กับโรนัลโด้ ที่วิ่งเติมขึ้นไปที่สุดเส้นหลังทางฝั่งซ้าย กองหลังของสเปอร์ส ปล่อยให้โรนัลโด้ มีพื้นที่และเวลามากพอที่จะเปิดบอลเรียดเข้ามากลางประตูให้กับเวย์น รูนี่ย์ ล้มตัวยิงจ่อๆ เข้าประตูไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 8
กองเชียร์ในสนามไวท์ ฮาร์ท เลน ยังคงส่งเสียงดังอยู่ตลอดในเกมที่เริ่มต้นได้อย่างเร้าใจจากทั้ง 2 ฝ่าย
โรนัลโด้ เกือบจะทำประตูเพิ่มให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนาทีที่ 35 ด้วยลูกโหม่งเต็มหัวจากลูกเปิดของแกรี่ เนวิลล์ แต่บอลลอยออกนอกกรอบไป
ปิศาจแดง ยังคงเดินหน้าบุกกดดันได้ดีหลังจากได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม และในนาทีที่ 36 การบุกกดดันนั้นก็ได้ผลอีกเมื่อรูนี่ย์ ทำประตูที่ 2 ของตัวเองและของทีมด้วยลูกยิงสุดสวยผ่านมือพอล โรบินสัน ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษเข้าประตูไป โดยเริ่มต้นจากปาร์ค จีซุง วิ่งไล่กดดันลี ยังเปียว กองหลังเพื่อนร่วมชาติที่เลี้ยงบอลป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปากประตูตัวเองจนทำพลาดเสียการครองบอลปล่อยให้ปาร์ค แหย่เท้าจิ้มบอลได้ บอลไหลไปเข้าทางรูนี่ย์ ที่ยืนดักรออยู่แล้ว กองหน้าทีมชาติอังกฤษดึงจังหวะนิดหนึ่งก่อนที่จะซัดเต็มข้อเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 16 ของเขาในลีกฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนีห่างออกไปเป็น 2-0 ในนาทีที่ 36
หมดครึ่งเวลาแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปก่อน 2-0 แม้ว่าสเปอร์ส จะทำผลงานได้ดีในช่วงเริ่มต้นเกมก็ตาม
เข้าสู่ครึ่งเวลาหลัง ทั้ง 2 ทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น สเปอร์ส กลับมาเริ่มต้นเกมในครึ่งหลังได้ดีเหมือนเดิม
ไมเคิล คาร์ริค ทำให้แผงกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องล่าถอยด้วยการพาบอลทะลุขึ้นมาจากแดนตัวเองมาถึงหน้ากรอบเขตโทษและถูกตัดเกมเอาไว้ก่อน จากลูกฟรีคิก เจอร์เมน เจนาส ยิงแฉลบกำแพงออกหลังไป
จากลูกเตะมุม เจ้าถิ่นก็มาทำประตูตีไข่แตกจนได้จากการตั้งรับที่ผิดพลาดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเนมานย่า วิดิช โหม่งสกัดออกมาไม่ดีไปโดนตัวริโอ เฟอร์ดินานด์ บอลกระดอนกลับไปหน้าปากประตูให้เจนาส ได้ยิงจ่อๆ เข้าประตูไป ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ตีตื้นไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 53
แฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงเชียร์กระตุ้นทีมเป็นการใหญ่ แน่นอนว่าด้วยฟอร์มการเล่นในระยะหลังของสเปอร์ส ย่อมทำให้กองเชียร์ของพวกเขามีลุ้นทำประตูตีเสมอได้พอสมควร
ครึ่งเวลาหลัง ทั้ง 2 ทีมยังคงผลัดกันเปิดเกมรุกเข้าใส่กันโดยตลอด เกมเปิดแลกกันสนุกจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง
ฟาน นิสเตลรอย ได้โอกาสยิงจากจังหวะสวนกลับในช่วงท้ายเกม เนวิลล์ เปิดบอลเข้ากลาง แต่กองหน้าดัตช์แมนยิงไปชนโคนเสาอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่สเปอร์ส ก็ยังคงเดินหน้าบุกเข้าใส่เพื่อจะทำประตูตีเสมอให้ได้
อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งรับเอาไว้ได้หมดจนกระทั่งจบการแข่งขันไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ได้ด้วยสกอร์ 1-2
ผลการแข่งขันในนัดนี้ทำให้ปิศาจแดง ยังคงรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงต่อไปโดยมี 79 คะแนน ความหวังในการลุ้นแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงพอมีอยู่ โดยต้องเอาชนะในนัดต่อไปที่จะไปเยือนเชลซี ให้ได้ (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
พอล โรบินสัน 1
คาลัม ดาเวนพอร์ต 27
ไมเคิล ดอว์สัน 20
ลี ยอง เปียว 16
พอล สตัลเตรี่ 7 ( น. 90)
ไมเคิล คาร์ริค 23
เอ็ดการ์ ดาบิดส์ 5
เจอร์เมน เจนาส 28 ( น. 53)
แอรอน เลนนอน 25
เจอร์เมน เดโฟ 18
ร็อบบี้ คีน 10
สำรอง
ราเด็ค เคอร์นี่ย์ 12
สตีเฟ่น เคลลี่ 3
นูเรดดีน เนย์เบ็ต 2
แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ 8 น. 71 เอ็ดการ์ ดาบิดส์ 5
ลี บาร์นาร์ด 37 น. 78 แอรอน เลนนอน 25
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
เนมานย่า วิดิช 15 ( น. 50)
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
ปาร์ค จีซุง 13
เวย์น รูนี่ย์ 8 ( น. 8, 36)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
เวส บราวน์ 6 น. 90 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
ปาทริซ เอวร่า 3
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4
หลุยส์ ซาฮา 9
สถิติของเกม
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ประตู 1, ยิงตรงกรอบ 5, ยิงหลุดกรอบ 7, โดนบล็อค 3, เตะมุม 9, ฟาวล์ 8, ใบเหลือง 1, การครองบอล 48.6%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 4, โดนบล็อค 3, เตะมุม 5, ฟาวล์ 15, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 51.4
คะแนนความสามารถ
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ พอล โรบินสัน 6, พอล สตัลเตรี่ 5, ไมเคิล ดอว์สัน 7, คาลัม ดาเวนพอร์ต 6, ลี ยอง เปียว 5, แอรอน เลนนอน 7, เจอร์เมน เจนาส 6, ไมเคิล คาร์ริค 7, เอ็ดการ์ ดาบิดส์ 4, ร็อบบี้ คีน 8, เจอร์เมน เดโฟ 7, แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ (สำรอง) 5, ลี บาร์นาร์ด (สำรอง) 5
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, เนมานย่า วิดิช 4, มิเกล ซิลแวสตร์ 4, จอห์น โอเชีย 5, ไรอัน กิ๊กส์ 5, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, ปาร์ค จีซุง 7, เวย์น รูนี่ย์ 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 6, เวส บราวน์ (สำรอง) 5
Por

By Dom

Related Post